100 วันแห่งการอธิษฐาน

วันที่ 78 แห่งการอธิษฐาน
“เวลาแห่งการหยุดกังวลและเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจ”
โดย ซิคฮู ดาโค
เมื่อลูกคนแรกของฉันเกิด ฉันอ่านทุกอย่างที่ตาของฉันมองเห็นเกี่ยวกับข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนแรกของชีวิต ตามที่คนพูดกันว่า “การเตรียมล่วงหน้าย่อมดีกว่าไม่เตรียม” มิใช่หรือ ลูกชายของฉันเป็นทารกคลอดตรงกำหนดมีสุขภาพดี มีนิ้วครบ 10 นิ้วทั้งนิ้วมือและนิ้วเท้า และมีคะแนนในการประเมินสภาวะทารกหลังคลอดที่ดีเยี่ยม แต่ในขณะที่ฉันมองดูใบหน้าที่ไร้เดียงสาของเขา ฉันก็รู้สึกประหม่าอย่างมากกับความเปราะบางของชีวิต
การอ่านหนังสืออย่างไม่รู้จักพอของฉันเพิ่มขึ้น ทำให้ฉันได้รู้จักกับโรคการเสียชีวิตเฉียบพลันในเด็กทารก (SIDS) ฉันก็เริ่มหาอ่านในอินเตอร์เน็ตอย่างตื่นตระหนก บทความแต่ละบทที่ฉันอ่าน เรื่องราวของแต่ละบุคคลที่สูญเสียทารกไปเนื่องจากโรค SIDS ทำให้ฉันกังวลมากยิ่งขึ้นถึงการไร้ความสามารถของฉันที่จะปกป้องลูกน้อยได้ ฉันอ่านบทความที่แนะนำไม่ให้วางอุปกรณ์ใด ๆ ลงในเปลของทารก ไม่ให้วางแม้แต่ผ้าห่มหรือตุ๊กตาสัตว์ เพราะสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่โรค SIDS แต่เมื่อฉันอ่านต่อไปอีก ฉันก็สะดุดกับคำพยานของแม่ท่านหนึ่งที่ทำตามคำแนะนำทั้งหมดในการป้องกันโรค SIDS แต่ก็ยังคงตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งเพียงพบว่าลูกของเธอนอนในเปลโดยไร้ลมหายใจไปแล้ว
ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกของฉันล่ะ ฉันต้องทำอะไรที่แตกต่างออกไป เพื่อให้แน่ใจว่าครอบครัวของฉันจะไม่พบกับชะตากรรมเช่นนี้ การนอนหลับเป็นสิ่งที่เหนื่อยล้าเพราะฉันจะตื่นขึ้นมาเมื่อลูกชายขยับตัว ส่งเสียง หรือมีการเปลี่ยนแปลงในการหายใจ ในฐานะที่เป็นภรรยาที่รักที่เห็นพ้องกับคำขวัญที่ว่า “การแบ่งปันคือการห่วงใย” ฉันแบ่งปันความวิตกกังวลนี้กับสามี และในคืนแรกที่ลูกชายของเรานอนหลับนานกว่า 6 ชั่วโมง สามีของฉันก็ปลุกลูกเพื่อให้แน่ใจว่าเขายังหายใจอยู่ คุณเห็นภาพใช่ไหม เราเหมือนคนเป็นโรควิตกกังวล
ยิ่งฉันคิดถึงความไร้ประสิทธิภาพของฉันในการปกป้องลูกน้อยจาก SIDS ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นว่าความพยายามของฉันในการรักษาความปลอดภัย ปกป้อง และดูแลลูกนั้นอ่อนแอเพียงไร แท้จริงแล้ว ฉันรับประกันการดูแลตัวฉันเองยังไม่ได้เลย ฉันคงต้องปล่อยลูกทารกที่ช่วยตัวเองไม่ได้ไปเสีย
ฉันรู้สึกถึงความอ่อนแออย่างท่วมท้น ฉันจึงเข้าไปคุยกับแม่ของฉัยผู้ที่ได้ดึงฉันเข้าหาพระเยซู เธอทำได้อย่างไร เราจะพักลงอีกครั้งได้อย่างไรในเมื่อเรายังคงต้องปกป้องลูกของเราจากเหตุร้ายอีกมากมาย
คำตอบง่ายเพียงนิดเดียว คือ วางใจในพระเยซู
คุณแม่แนะนำฉันว่า “ทุกครั้งที่วางลูกลงนอน ให้มอบเขาไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ไม่เคยงีบหลับหรือหลับใหลเลย พาลูกชายเข้าหาพระเจ้าในการอธิษฐานและปล่อยให้เขาอยู่กับพระองค์”
ความวิตกกังวลในเรื่อง SIDS ที่ฉันมี ไม่ได้ช่วยให้ลูกชายปลอดภัยขึ้นเลยในแต่ละคืน แต่ทำให้ฉันตระหนักในสิ่งที่ผิดว่า ฉันได้ “ทำอะไรบางอย่าง” กับความกังวลใจนี้เนื่องจากฉันได้ใช้พลังงานอย่างมากในการคิดถึงมัน แต่ในความเป็นจริงแล้วความกังวลของฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลยกับการหายใจของเขาตลอดทั้งคืน
ดังนั้น พระเยซูจึงถามว่า “มีใครในพวกท่านโดยความกระวนกระวาย อาจต่อชีวิตให้ยาวออกไปอีกสักศอกหนึ่งได้หรือ” (มัทธิว 6:27) ความวิตกกังวลของท่านไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แต่ในทางตรงกันข้าม แทนที่ความวิตกกังวลจะมอบบางสิ่งที่มีค่าให้กับสถานการณ์แต่มันทำให้การตัดสินใจของท่านมืดมัว ลดทอนการหยั่งรู้ของท่าน และความสามารถที่มีน้อยอยู่แล้วของท่านต้องยอมแพ้ให้กับการจัดการกับความเครียด ไม่ว่าจะเป็นความเครียดใด ๆ ก็ตาม
ท่านเป็นกังวลถึงเรื่องการเงินของท่าน เป็นกังวลเรื่องการศึกษาของท่าน เป็นกังวลเรื่องลูก ๆ ของท่าน เป็นกังวลถึงชีวิตแต่งงานของท่าน เป็นกังวลถึงสุขภาพของท่าน เป็นกังวลถึงสถานะของโลกและผลกระทบระยะยาวของการระบาดของโควิด-19 ท่านเป็นกังวลถึงอนาคตและท่านจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ไป ท่านเป็นกังวลที่ท่านวิตกกังวลมากเกินไป กังวลไม่เคยหยุดเลย
นี่คือสิ่งที่นางเอเลน ไวท์ เขียนไว้
“เมื่อเราเข้ามาจัดการกับสิ่งที่เราต้องทำด้วยตัวเองและพึ่งพาในสติปัญญาของเราเองเพื่อความสำเร็จ เรากำลังแบกภาระซึ่งพระเจ้าไม่ได้มอบให้เรา และเราก็กำลังพยายามแบกรับไว้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากพระองค์ เรารับเอาภาระรับผิดชอบที่เป็นของพระเจ้ามาไว้บนเราและนำตัวเราเองเข้าอยู่ในที่ของพระองค์ เราอาจมีความกังวลและคาดการณ์ถึงอันตรายและการสูญเสียว่าจะเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน แต่เมื่อเราเชื่ออย่างแน่นอนว่าพระเจ้าทรงรักเราและมุ่งหวังทำสิ่งดีให้เรา เราจะหยุดความกังวลเกี่ยวกับอนาคต เราจะวางใจในพระเจ้าเหมือนบุตรที่วางใจในพ่อแม่ที่รักเขา จากนั้นปัญหาและความทุกข์ทรมานของเราจะหายไป เพราะความประสงค์ของเราถูกกลืนหายไปในพระประสงค์ของพระเจ้า” Thoughts From the Mount of Blessings หน้า 100, 101
ในโลกแห่งความบาป เรามั่นใจได้ว่าสถานการณ์ที่ท้าทายจะเกิดขึ้น ภูมิปัญญาของโลกกล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเตรียมความพร้อมต่อภัยพิบัติใด ๆ ก็ตาม คือการให้ความรู้กับตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเตรียมล่วงหน้าย่อมดีกว่าไม่เตรียม แต่เมื่อพูดถึงการสร้างสันติสุขท่ามกลางพายุ ความรู้นั้นไม่มีประสิทธิภาพเลย การเตรียมการเพียงอย่างเดียวที่มีประสิทธิภาพคือการพัฒนาความเชื่อมั่นที่ยั่งยืนตลอดกาลในพระเจ้าผู้ซึ่งบรรจุอะตอมที่เล็กที่สุดให้ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ของจักรวาลด้วยมือของพระองค์เอง ต้องขอบพระคุณที่พระองค์ยังคงเป็นผู้ควบคุม
ซิคฮู ดาโค เป็นผู้ช่วยบรรณาธิการอวุโสของ inVerse คือ หลักสูตรการศึกษาพระคัมภีร์สำหรับผู้ใหญ่ตอนต้นที่เชื่อใหม่ จัดทำขึ้นโดยแผนกโรงเรียนสะบาโตสำนักงานใหญ่ เป็นเวลากว่า 10 ปีที่เธอทำงานในวิทยาเขตพันธกิจหลังจากได้รับปริญญาตรีด้านชีวเคมีและภาษาฝรั่งเศส เธอได้รับปริญญาโทด้านศาสนศาสตร์ สาขาระบบศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแอนดรู เธอได้มีส่วนร่วมในงานสองงานที่เธอสนใจ คือการสอนพระคัมภีร์และพันธกิจสำหรับคนหนุ่มสาว ซิคฮูและอาร์ชี่สามีของเธอ มีลูกชาย 3 คน อายุ 4 และ 2 ขวบ และ 9 เดือน
คำถามตรึงใจ
ท่านเคยดิ้นรนกับความเชื่อในยามวิกฤตหรือไม่ ท่านเคยดิ้นรนกับการเรียนรู้ที่จะวางใจเมื่อสถานการณ์และความรู้สึกทั้งหมดดูเหมือนจะบ่งบอกว่าไม่มีทางออกที่ดีสำหรับท่านหรือไม่ ทำไมท่านไม่ลองทูลขอพระเจ้าให้ประทานความมั่นใจและความเชื่อที่เข้มแข็งขึ้นให้กับท่านในพระสัญญาของพระองค์
คำท้าทายจิตใจ
ความกังวล ความกลุ้มใจ ความเครียด สิ่งเหล่านี้เป็นปฏิกิริยาธรรมชาติเมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากและไม่สามารถควบคุมได้ จงคิดถึงชีวิตและครอบครัวของท่าน สิ่งใดที่ทำให้ท่านกังวล สถานการณ์อะไรที่เป็นสาเหตุของการหวาดกลัวของท่าน
ในตอนนี้ ให้ท่านเปิดพระคัมภีร์และลองค้นหาข้อพระคัมภีร์และเรื่องราวที่สัญญากับท่านว่าท่านจะได้รับสันติสุขและความเข้มแข็งจากพระเจ้า จงอ่าน เขียน จดจำ และวางใจในข้อเหล่านั้น มีอะไรที่พระเจ้าของเราไม่สามารถจัดการได้หรือ
คำรายงานที่น่าสรรเสริญ
ศิษยาภิบาล H กล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับคำอธิษฐานของท่านเป็นอย่างมาก ลูกพี่ลูกน้องของผมและภรรยาอาการดีขึ้นมาแล้ว”
บุคคลหนึ่งบริจาคเงินจำนวนมากเพื่อช่วยบรรณากรทั่วโลกในช่วงเวลาวิกฤตนี้ บรรณากรหรือผู้ขายหนังสือกำลังค้นหาวิธีการใหม่ ๆ และสร้างสรรค์ในการเข้าถึงผู้คนให้ได้รับหนังสือฝ่ายจิตวิญญาณแม้จะมีการปิดประเทศก็ตาม
หัวข้ออธิษฐาน
1. อธิษฐานทูลขอความเชื่อและความจริงในพระเจ้าให้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตนี้
2. อธิษฐานขอพระพรจากพระเจ้าให้กับสมาชิกผู้ที่ทำงานขับรถแท็กซี่ในปานามาซิตี้ โดยพวกเขาเป็นศูนย์กลางอิทธิพลเคลื่อนที่ในการประกาศ พลเมืองของปานามาครึ่งหนึ่งอาศัยในเมืองปานามาซิตี้
3. อธิษฐานเผื่อพันธกิจสตรีแอ๊ดเวนตีสซึ่งเป็นการประกาศกลุ่มเล็กที่กำลังจะเกิดขึ้นในยูเนียนไนจีเรียตะวันตก
4. อธิษฐานเผื่อสมาชิกในครอบครัวใกล้ชิดและญาติพี่น้อง อธิษฐานเผื่อคนเหล่านั้นที่ยังไม่รู้จักพระเยซูให้เป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัว เพื่อนำพาพวกเขาให้เข้าใกล้พระองค์และกลับใจใหม่
ร่วมส่งคำอธิษฐานของท่าน
0 Comments